วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

หาดนพรัตน์ธารา

หาดนพรัตน์ธารา


ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เป็นท่าเรือศูนย์กลางไปเที่ยวตามเกาะ ต่างๆ ของกระบี่ เดิมชาวบ้านเรียกว่า "หาดคลองแห้ง" เพราะช่วง น้ำลง น้ำคลองที่ไหลมาจากภูเขาทางด้านเหนือจะแห้งขอด กลาย เป็นหาดทรายขาวเหยียดทอดลงไปในทะเล บรรจบกับ เกาะเขาปากคลอง บริเวณหาดเป็นทรายละเอียดปะปนด้วยเปลือกหอยเล็กๆ ประดับด้วยทิวสนเรียงรายตามชายหาดทะเล มองออก ไปในพื้นน้ำมีทิวทัศน์ของเกาะแก่ง ช่วงน้ำลงจนแห้งสามารถเดินไป ยัง เกาะเล็กๆ บริเวณหน้าชายหาดได้ เหมาะสมสำหรับ การพัก ผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้หาดนพรัตน์ธารายังเป็นแหล่งที่ อยู่อาศัยของหอยชักตีนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง อยู่ห่าง จากจังหวัดกระบี่ เพียง 17 กิโลเมตร เท่านั้น
หาดนพรัตน์ธารา



หาดนพรัตน์ธารา เป็นหาดซึ่งที่เป็นที่ทำการของ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ซึ่งมีบ้านพักของอุทยาน ให้บริการ นักท่องเที่ยว และเป็นจุดให้บริการเรือหางยาวท่องเที่ยวเกาะต่างๆในกระบี่ ของสหกรณ์เรือหางยาว ราคาตามนี้



 อ่าวไร่เลย์ อ่าวต้นไทร ถ้ำพระนาง คนละ 100 บาท
 ื เกาะปอดะ เกาะไก่ ทะเลแหวก คนละ 300 บาท 
เกาะห้อง เกาะผักเบี้ย ลาดิง (เหมาลำ) 6 คน 2800 บาท 
เกาะไผ่ เกาะพี พี เหมาลำ (เหมาลำ) 5 คน 3800-5000 บาท
4 เกาะเต็มวัน ได้แก่ เกาะไก่ ถ้ำพระนาง ทะเลแหวก ไร่เลย์ (เหมาลำ 6 คน ) 2200 บาท
2 เกาะครึ่งวัน เกาะปอดะ ทะเลแหวก ( เหมาลำ 4 คน ) 1700 บาท


เบอร์โทรติดต่อ โทร 085 887 9358 , 083 504 7980 , 081 187 4695
หาดนพรัตน์ธารา


 ที่พักหาดนพรัตน์ธารา


รวมที่พักหาดนพรัตน์ธารามีให้เลือกมากมาย คลิ๊กที่นี่ ที่พักหาดนพรัตน์ธารา

 การเดินทางไปอ่าวนาง


จากตัวเมืองกระบี่ นักท่องเที่ยวสามารถโดยสารรถสองแถว ค่าโดยสาร 50 บาท ใช้เวลาประมาณ 45นาที

ที่มา : http://www.paiduaykan.com/province/south/krabi/nopparatharabeach.html

ทะเลแหวก

 ทะเลแหวก



อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสุด Unseen Thailand ความภูมิใจของชาวกระบี่ที่มีจุดสวยงามอย่าง มหัศจรรย์ ที่เราสามารถเดินเหยียบทรายขาวละเอียด จากเกาะหนึ่งไปยังอีกเกาะหนึ่งได้เวลาน้ำลด ทะเลแหวกเกิดจาก สันทรายจากเกาะสามเกาะ คือเกาะไก่ เกาะหม้อ เกาะทับ ทั้งสามเกาะนี้เป็น3 เกาะเด่นที่อยู่ใน หมู่เกาะปอดะ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆกัน มีสันฐาณติดกันเมื่อคลื่นพัดทรายมาพบกันที่จุดนี้จึงทำให้เกิดเป็น แนวสันทราย เชื่อมเกาะทั้งสามเกาะนี้ให้ถึงกัน สันทรายนี้จะจมหายไปเมื่อน้ำขึ้นสูง เมื่อน้ำลดแนวสันทรายก็จะค่อยๆ โผล่ขึ้นมา เหมือนกับว่าแบ่งทะเลให้้แยกออกกันเป็นสามส่วน สันทรายจะโผล่ในช่วงที่น้ำทะเลลดต่ำสุด แต่ถึงแม้ว่าสันทราย จะไม่โผล่เราก็สามารถเดินเล่น ได้ หาดทรายของทะเลแหวกนี้ขาวสะอาดน่าเล่นน้ำ การท่องเที่ยวทะเลแหวกจะนิยมท่องเที่ยวทั้งหมด 4 เกาะ คือเกาะไก่ เกาะทับ เกาะหม้อ เกาะปอดะ ซึ่งสามารถเที่ยวได้ใน 1 วัน
ทะเลแหวก

เริ่มจาก เกาะไก่ ที่เรียกว่าเกาะไก่ก็เพราะว่าทางด้านปลายสุดของเกาะมีหินแหลมๆ เมื่อมองขึ้นไปแล้วคล้ายคอไก่ เกาะไก่เป็นเกาะที่สามารถหยุดเรือแล้วลงไปว่ายน้ำได้โดยสามารถลงไปเล่นน้ำแล้วให้อาหารปลาด้วยการ ให้ขนม ปังโรย ไว้รอบๆตัวแล้วปลาก็จะมาอยู่ล้อมรอบเราต่อด้วยเกาะทับ เกาะที่เราสามารถมองเห็นปะการังน้ำตื้นได้ โดยที่ไม่ต้องลงไปดำกันลึกๆ แวะพักเล่นน้ำให้ ในบรรยากาศอันเงียบสงบ




ทะเลแหวก
ทะเลแหวกทะเลแหวก
ทะเลแหวกทะเลแหวก

จากนั้นก็จบด้วยเกาะปอดะ เกาะที่มีหาดทรายขาวละเอียด นุ่มเท้า น้ำทะเลสีฟ้าใส เกาะปอดะเหมาะกับ การมา เที่ยวพักผ่อนและเล่นน้ำซะมากกว่าที่จะมาดำน้ำชมปะการัง เพราะในย่านนี้ไม่ค่อยมีที่พอมีก็ไม่สวยทะเลกระบี่ เหมาะกับการมาท่องเที่ยวพักผ่อนชมวิว เล่นน้ำการมาชมทะเลแหวก ควรมาชมในช่วงเวลาน้ำลงต่ำสุด ในแต่ละวัน โดยเฉพาะ ในวันก่อน และหลังวันขึ้น 15 ค่ำ ราว 5 วัน ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเที่ยวทะเลแหวกคือ ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน ถึง ต้นพฤษภาคม

ทะเลแหวก
ทะเลแหวกทะเลแหวก
ทะเลแหวกทะเลแหวก

จุดเด่น ของการเที่ยวชมทะเลจะแหวกคือการมาชมวิว ถ่ายภาพ ควรหลีกเลี่ยงการมาเที่ยวในช่วงวันหยุดเทศกาล ทะเลแหวกจะมีคนเยอะเดินกันจนแน่นไปหมด ถ้าจะมาชมทะเลแหวกให้ประทับใจควรเลือกมาใน ช่วงวันหยุด ธรรมดานอก จากชมวิวถ่ายภาพทะเลแหวกแล้วที่นี่ยังเป็นอีกชายหาดหนึ่งที่น่าลงเล่นน้ำเพราะ มีแนวหาดทราย กว้าง น้ำใส ปลาเยอะ แต่ถ้าจะมาเล่นน้ำก็แนะนำให้มาในช่วงวันหยุดธรรมดา(เสาร์-อาทิตย์)หากมาวันหยุด เทศกาลคนเยอะไม่สนุก

เกาะปอดะ
เกาะปอดะเกาะปอดะ
เกาะปอดะเกาะปอดะ


สามารถเที่ยวโดยซื้อแพคเก็จทัวร์โดยเรือหางยาว ราคาท่านละ 350 - 450 บาท แพคเก็จเดินทางโดยเรือสปีดโบ๊ท ราคาท่านละ 800 - 1,000 บาท จากบริษัททัวร์ที่ให้บริการ ตอนเช้ามีรถไปรับถึงโรงแรม ตอนเย็น ไปส่งกลับถึงโรงแรม หรือถ้าเดินทางมา โดยรถทัวร์ลงรถ แล้วรออยู่ที่ท่ารถ บขส. ตอน 8.00 - 8.15 น. จะมีรถ ไปรับถึงที่ท่ารถ คนเดียวหรือสองคนก็มาได้ รถจะวิ่งรับ ตามจุดไปเรื่อยๆ แล้วพามาลงเรือที่อ่าวนาง โดยโปรแกรม ท่องเที่ยวจะเป็นทัวร์ 4 เกาะ ได้แก่ ทะเลแหวก (เกาะหม้อ เหาะทับ) เกาะปอดะ เกาะไก่


หากไม่ใช้บริการทัวร์ สามารถใช้บริการเรือหางยาวท่องเที่ยวเกาะต่างๆในกระบี่ของสหกรณ์เรือหางยาว ติดต่อได้ที่ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา ราคาดังนี้


อ่าวไร่เลย์ อ่าวต้นไทร ถ้ำพระนาง คนละ 80 บาท 

เกาะปอดะ เกาะไก่ ทะเลแหวก คนละ 300 บาท 

เกาะห้อง เกาะผักเบี้ย ลาดิง (เหมาลำ) 6 คน 2800 บาท 

เกาะไผ่ เกาะพี พี เหมาลำ (เหมาลำ) 5 คน 3800-5000 บาท 

4 เกาะเต็มวัน ได้แก่ เกาะไก่ ถ้ำพระนาง ทะเลแหวก ไร่เลย์ (เหมาลำ 6 คน ) 2200 บาท 

2 เกาะครึ่งวัน เกาะปอดะ ทะเลแหวก ( เหมาลำ 4 คน ) 1700 บาท

ที่มา : http://www.paiduaykan.com/76_province/south/krabi/talaywak.html

อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี


 อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี


 รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

พื้นที่ 121 ตารางกิโลเมตรของที่แห่งนี้ คือแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่มีความน่าสนใจมากมาย ประกอบด้วยภูเขาหินปูน ป่าดิบ ป่าชายเลน ป่าพรุ ป่าชายหาด และเกาะต่าง ๆ รวมทั้งสังคมพืชน้ำใต้ท้องทะเล จึงสามารถทำกิจกรรมท่องเที่ยวได้หลากหลายตามความสนใจเฉพาะบุคคล โดยเฉพาะการเดินป่าศึกษาเส้นทางธรรมชาติที่มีการจัดไว้ให้ระยะทาง 1 กิโลเมตร เป็นเหมือนบทเรียนแรกที่จะทำให้คุณเข้าใจอุทยานฯ แห่งนี้ได้มากขึ้น


ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ที่อำเภออ่าวลึก ผู้สนใจเข้าชมอุทยานฯ จะเสียค่าเข้าอุทยานฯ ผู้ใหญ่ ชาวไทย 20 บาท เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ชาวต่างชาติ 100 บาท เด็ก 50 บาท อุทยานฯ ไม่มีบ้านพักให้บริการ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 7568 1071, 0 7568 2058


 กิจกรรมน่าทำ

 เดินเล่นชม น้ำตกธารโบกขรณี อยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ มีลักษณะเป็นธารน้ำธรรมชาติไหลลงมายังแอ่งน้ำน้อยใหญ่ไล่ระดับกัน ทางด้านเหนือมีมณฑปพระพุทธบาทจำลองแกะสลักจากไม้ ประดิษฐานอยู่ใกล้กับศาลาบูชาเจ้าพ่อโต๊ะยวน-โต๊ะช่อง
 สัมผัสความอัศจรรย์ของ ถ้ำลอด ซึ่งอยู่ห่างจากอุทยานฯ ราว 6 กิโลเมตร โดยเดินทางไปทางอำเภออ่าวลึกตามถนนอ่าวลึก-แหลมสัก ประมาณ 2 กิโลเมตร แยกขวาไปยังท่าเรือบ่อท่อ แล้วลงเรือหางยาวรับจ้างไปตามลำคลองท่าปรัง ผ่านป่าชายเลนไปประมาณ 15 นาที ที่นี่เป็นอุโมงค์ใต้เขาหินปูนที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยรูปร่างต่าง ๆ ชวนจินตนาการสนุกนึก
 ชมภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ที่ ถ้ำผีหัวโต ซึ่งอยู่ห่างจากถ้ำลอดประมาณ 500 เมตร ชื่อผีหัวโตนั้นมาจากการค้นพบหัวกะโหลกมนุษย์ที่ใหญ่โตกว่าคนปรกติ

 พายเรือชมทิวทัศน์ป่าชายเลนที่สงบร่มรื่น โดยสามารถค่าเช่าเรือคายักราคา 500 บาท/คน โดยสามารถเช่าเรือได้บริเวณท่าเรือบ่อท่อ คือ บริษัท โชคธารา โทร. 08 1273 9762, 08 1272 2654, 08 9288 6037 และบริษัทบ่อท่อซีแคนู โทร. 0 7561 8113, 08 1085 7839, 08 2277 6869 ให้บริการ 08.00-16.00 น.
 แวะเที่ยว ถ้ำชาวเล อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของแหลมสัก ในเวิ้งอ่าวที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติอันสวยงามของเกาะแก่งและภูผา ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยและภาพเขียนสมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นรูปคน รูปสัตว์ และรูปทรงเรขาคณิตต่าง ๆ หลายภาพด้วยกัน สามารถโดยสารเรือประจำทางหรือเรือเช่าจากท่าเรือบ้านแหลมสัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที หรือพายเรือแคนูชมถ้ำน่าจะสนุกไปอีกแบบ
 ชมหาดทรายงามของ เกาะแดง ที่ยาว 25 เมตร มีถ้ำลอดกว้าง 70 เมตร สูง 20 เมตร และยังเป็นบริเวณที่ดำน้ำดูปะการังอีกแห่งหนึ่ง
ล่องเรือหรือพายแคนูเพื่อเดินทางสู่โลกอันลี้ลับของ เขากาโรส ทางด้านตะวันออกของปลายแหลมสัก ภูเขาแห่งนี้เป็นทิวเขาหินปูนที่ถูกกัดกร่อนด้วยน้ำทะเลและแรงลม จนเกิดรูปร่างแปลกตา พื้นที่โดยรอบปกคลุมด้วยป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ด้วยป่าโกงกาง ลำพู ตะบูน แสม และสัตว์ป่า เช่น ลิง ค่าง และนกนานาชนิด นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญ เพราะมีการพบภาพเขียนสีโบราณตามบริเวณถ้ำและผาหินต่าง ๆ สันนิษฐานว่ามีอายุอยู่ในช่วงก่อนประวัติศาสตร์ อายุราว 3,000-5,000 ปี

 ท่องโลกสุดยอดทะเลสวยของ หมู่เกาะห้อง ที่ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่หลายเกาะ เช่น เกาะเหลาหรือเกาะซากา เกาะเหลาเหรียม เกาะปากกะ เกาะเหลาลาดิง เป็นต้น โดยมีเกาะห้องหรือเกาะเหลาปิเละ เป็นเกาะทางตอนใต้ที่ใหญ่ที่สุด หมู่เกาะห้องแห่งนี้เต็มไปด้วยมนต์สะกดจากน้ำทะเลใส หาดทรายขาว มีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเหมาะแก่การดำน้ำ ตกปลา บนเกาะห้อง มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 400 เมตร รอบ ๆ เกาะยังสามารถพายเรือแคนูได้ และมีที่สำหรับกางเต็นท์ เสียค่าธรรมเนียมพักแรมคนละ 20 บาท แต่ต้องนำเต็นท์มาเอง นักท่องเที่ยวที่จะขึ้นเกาะห้องต้องเสียค่าเข้าชมอุทยานฯ ผู้ใหญ่ คนไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท เด็กคนไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท การไปเที่ยวชมสามารถเช่าเรือหางยาวจากอ่าวนาง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อชมรมเรือหางยาวอ่าวนาง โทร. 0 7569 5473, สหกรณ์เรือหางยาวบริการ โทร. 0 7569 5313

ที่มา : http://www.atsiam.com/articles/article_detail.asp?AR_ID=37

ป่าพรุท่าปอม

 

 ป่าพรุท่าปอม คลองสองน้ำ


ตั้งอยุ่ที่ ต.เขาคราม อ. เมือง อยุ่ในความดูแลของ อบต.เขาคราม เป็นแหล่งศึกษาเชิงนิเวศวิทยาเพื่อเรียนรู้ ความสมบูรณ์ของธรรมชาติทั้งในแง่ของทางน้ำใต้ดินและพืชพรรณที่สามารถเติบโตได้ทั้งในน้ำและบนดิน คลองสองสายน้ำมีลักษณะ พิเศษ ของระบบนิเวศ ที่ในช่วงขึ้น 12 ค่ำไปจนถึง แรม 5 ค่ำที่ น้ำทะเลหนุนขึ้นสูงซึ่งชาวบ้านในพื้นที่เรียกกันว่า“น้ำใหญ่”นั้นน้ำทะเลจะ หนุนสูงลึกเข้ามาใน คลองท่าปอม ถึง ศาลาเล่นน้ำและผสมกับน้ำจืดในคลองท่าปอมกลายเป็นคลองน้ำกร่อยที่มีสีฟ้าค่อน ข้างขุ่นแต่ว่า ก็เป็นช่วงเวลาไม่นานหลังจากนั้นน้ำทะเลก็จะลงและถูกแทนที่ด้วยน้ำจืดใสแจ๋วมองเห็นเป็นสีเขียวซึ่งเกิดจากการที่ลำธารสายนมีต้นกำเนิด จากเขาหินปูนที่มีี้สารแคลเซียมคาร์บอเนตที่มีคุณสมบัติในการจับตะกอนและสารแขวนลอยให้จมตัวเมื่อสายน้ำไหลผ่านหินปูน เจ้าสารตัวนี้จะละลายปนมาพร้อมกับจับสารแขวนลอยไหลไปจมตัวในน้ำนิ่งน้ำในลำ คลองท่าปอม จึงใสไหลเย็นมองเห็น ตัวปลา และพืชใต้น้ำได้อย่างชัดเจน
ท่าปอม คลองสองน้ำ


  ยามที่สายน้ำจืดที่ใสแจ๋วแหววต้องแสงแดด จะส่งประกายระยิบระยับราวแก้วผลึก เป็นช่วงที่เหมาะกับการเดินชม ท่าปอม มากที่สุด โดยบางช่วงใต้ท้องน้ำจะงดงามด้วยสีเขียวสดจากพืชใต้น้ำที่มองเห็น ได้อย่างถนัดตาส่วน บางช่วงก็ดูเพลินตาด้วยฝูงปลาที่แหวกว่าย ทวนสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ โดยความงามของทั้งสายน้ำจืดและ สายน้ำ กร่อยนั้นสามารถ เดินชมความงามได้ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ทาง อบต.เขาคราม สร้างขึ้นเป็นวงรอบ ในระยะ ทาง 700 เมตรซึ่งนอกจากคลองสองน้ำแล้ว ป่าท่าปอมก็ยังมีป่าธรรมชาติถึง 3 ป่าให้เลือกชม ในเส้นทางเดิน ศึกษาธรรมชาติโดยไม่ต้องเดินลุยเข้ารกเข้าป่าแต่ประการใด

ท่าปอม คลองสองน้ำ ท่าปอม คลองสองน้ำ


  สำหรับป่าชนิดไหนมีลักษณะอย่างไรว่าหากมาเดินในเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ป่าท่าปอมสังเกตไม่ยากเนื่องจาก ป่าแต่ละประเภทต่าง ก็มีลักษณะเด่นแตกต่างกันออกไปโดย ป่าชายเลนจะเห็นเป็นจุดแรกตั้งแต่ก่อน เข้าสู่เส้นทาง เดินศึกษาธรรมชาติ ซึ่งจะเห็นรากของ ต้นโกงกางที่เป็นดังพระเอกของป่าชายเลน ขึ้นโชว์รากระโยงรยางค์อยู่ ทั่วไปเมื่อเดินไปทางขวาบนสะพานประมาณ 20 เมตร ก็จะได้เห็น ป่าพรุน้ำจืด ที่เป็นป่าหาดูได้ยาก โดยป่าพรุ ท่าปอมมีลักษณะต่างจากป่าพรุทั่วไป คือเป็นป่าพรุบนดอนที่น้ำไม่ท่วมขัง เหมือนป่าพรุอื่นๆ แต่ว่าใครอย่า เผลอ ลงไปเดินในป่าพรุเข้าให้หละ เพราะดินแฉะๆที่ดูไม่น่าลึกไหร่ แต่ว่าหากลงไปเดินก็จะจมไปครึ่งค่อนตัวทีเดียว ซึ่ง ทางที่ดีควรเดินชมเสน่ห์จะไม่มีของป่าพรุบนสะพาน ดีที่สุด สำหรับพืชพันธุ์ที่เด่น แห่งป่าพรุท่าปอมก็คง อะไรเกิน ตังหนใบเล็ก (วงศ์ GUTTIFERAE) ไม้ยืนต้นขนาดกลาง ที่มีรากรูปร่างพิลึก คือเป็นรากที่ดูคล้ายหัวเขาที่งอพับโผล่พ้นพื้นดินขึ้น มาประมาณ 20 ซ.ม.ดู แปลกตาน่ามองจากป่าพรุเมื่อเดินผ่านบรรยากาศอันชวนมอง ก็จะเข้าสู่บรรยากาศของ ป่าดิบชื้น ที่ลักษณะของป่านี้ก็สังเกตไม่ยาก เพราะ 2 ป่าที่ผ่านมาจะเป็นป่าที่ส่วน มาก เป็นต้นไม้เล็กๆและเป็นป่าโปร่ง แต่ว่าพอเข้าเขตป่าดิบชื้นจะสัมผัสได้ถึงต้นไม้อันร่ม ครึ้มที่เต็มไปด้วย ไม้ยืนต้น ขนาดใหญ่

ท่าปอม คลองสองน้ำ ท่าปอม คลองสองน้ำ

 เสน่ห์ของ ท่าปอม อีกอย่างหนึ่งคือ รากไม้ให้ชวนมองอยู่ทั่วไปตามริมตลิ่งสองฝั่งคลองโดยรากของต้นไม้หลาย ประเภทจะปรับตัว ด้วยการโผล่รากขึ้นมาหายใจ ในลักษณะเลาะเลี้ยวเคี้ยวโค้งเกี่ยวกวัดรัดกันไปมา ดูสวยงาม แปลกตาน่ามอง โดยรากของตนไม้ที่พบมาก ก็เห็นจะหนีไม่พ้นรากของต้นชมพู่น้ำซึ่งต้นไม้ชนิดนี้ใช่แค่มีรากที่มีเสน่ห์ แต่ว่า ยามที่ชมพู่น้ำออกดอกก็มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน เพราะว่าดอก ของชมพู่น้ำที่มีช่อสั้นๆมีเกสร ตัวผู้ สีขาวนวลดูเล็กฝอยฟูฟ่องนั้นงามไม่เบาทีเดียวโดยเพาะยามที่ดอกชมพู่น้ำร่วง หล่นลงไปลอย ในสายน้ำดูพลิ้วไหว นั้นน่าชมมากๆและพวกรากไม้ต่างๆนี่แหละที่ถือเป็นจุดเกาะยึดอย่างดีของคนที่ลงไปเล่นน้ำ ซึ่งทางอบต.เขาคราม เปิดบางช่วงให้นักท่องเที่ยวลงไปแหวกว่ายเล่นน้ำได้ แต่ว่าต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ส่วนใครที่อยากสัมผัสกับ ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติแห่งป่าท่าปอมในความรู้สึกที่แตกต่างไปจากการเดิน ชมบนสะพาน ก็สามารถพายเรือแคนูชมความงาม ของคลองสองน้ำและป่าท่าปอมได้

รากไม้คดเคี้ยวไปตามลำน้ำ

ท่าปอม คลองสองน้ำ ท่าปอม คลองสองน้ำ
ท่าปอม คลองสองน้ำ ท่าปอม คลองสองน้ำ
นอกจากนี้ที่ป่าท่าปอมยังมีแก่งหินที่สีเหลืองคล้ายมัสตาร์ดที่เป็นความมหัศจรรย์ธรรมชาติอย่างหนึ่ง โดยแก่ง หินเหลืองนี้เกิดจาก หินดินดานทำปฏิกิริยากับอากาศจนเกิดเป็นโขดหินสีเหลืองทั่วไปในลำน้ำ เรียกได้ว่าในผืนป่า ท่าปอมนี่มีธรรมชาติที่ชวนให้อัศจรรย์ใจ อยู่มากหลายซึ่งคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผืนป่าท่าปอมคง ความมหัศจรรย์ มาถึง ทุกวันนี้ก็เพราะเรื่องราวตำนานอาถรรพ์ของผืนป่าแห่งนี้
แก่งหินที่สีเหลือง
ท่าปอม คลองสองน้ำ ท่าปอม คลองสองน้ำ
 ในอดีตย้อนไปเมื่อ 130 กว่าปีที่ผ่านมาป่าท่าปอมนับเป็นดินแดนอาถรรพ์น่ากลัวที่ไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไป แต่เมื่อ“โต๊ะปอม” “โต๊ะหมัน” และ “นายกาแมะ”ผู้เก่งกล้าในวิชาอาคมได้มาบุกเบิกและอาศัยอยู่ที่ผืนป่า ท่าปอม ซึ่งชาวบ้านที่อาศัยรุ่นต่อๆมา ต่างก็เล่ากันว่ามักจะพบ จระเข้ขาวปรากฏตัวอยู่เสมอในแอ่งน้ำของป่าท่าปอมพวกเขา เชื่อกันว่าจระเข้ขาวคือเจ้าที่ผู้มาปกปักรักษาป่าผืนนี้ให้คง ความอุดมสมบูรณ์สมัยก่อนชาวบ้านจะไม่ลงเล่นน้ำใน วันเสาร์และอังคารเด็ดขาดเนื่องจากเชื่อว่าจะทำให้เกิดอาเพศต่างๆ ส่วนชาวชุมชน ก็ได้อาศัยสายน้ำเป็น เส้นทาง ออกหาปูปลาในทะเลนับจากอดีตเรื่อยมาถึงปัจจุบันโดยส่วนใหญ่ก็จะกลับเข้าฝั่งมา ด้วยปูปลาที่เต็มลำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าท้องน้ำ ในแถบนั้นยังคงความอุดมสมบูรณ์อยู่มากหลังจากที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ยกให้ป่าท่าปอม เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ก็ทำให้มีคนแวะเวียนมาเที่ยวป่าท่าปอมกันไม่ได้ขาด ท่าปอม คลองสองน้ำสามารถเที่ยวชม คลองสองน้ำ ได้ตลอดทั้งปี ควรเที่ยวชมในเวลาที่น้ำลงน้ำจะสวยใสมาก
ท่าปอม คลองสองน้ำ ท่าปอม คลองสองน้ำ


 รายละเอียดเพิ่มเติม

 ค่าเข้าชม


คนไทย ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท ค่าเช่าเรือแคนู ชั่วโมงละ 100 บาท วันละ 700 บาท สอบถามเพื่มเติม อบต.เขาคราม โทร. 0 7569 4198, 07569 4165 หรือ ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยว จังหวัดกระบี่ โทร. 0 7562 2163

 การ เดินทางไปท่าปอม คลองสองน้ำ


จากตัวเมืองกระบี่ไปตามทางหลวงหมายเลข 4 ทางไป อ.อ่าวลึก ประมาณ 22 กม. เมื่อถึงบ้านทุ่ง ซ้ายมือจะมีป้าย บอกทางไปป่าท่าปอมคลองสองน้ำให้เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 5 กม. ก็จะถึงลานจอดรถ ที่มีสวนปาล์มอยู่ขวามือ เสียค่าจอดรถ รถเก๋ง รถตู้ รถกระบะ 20 บาท รถบัส 100 บาท มอเตอร์ไซค์ จักรยาน 10 บาท

ที่มา: http://www.paiduaykan.com/76_province/south/krabi/tapom.html